วัดมหาธาตุ
วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเพชรบูรณ์ ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ คือหลวงพ่อเพชรมีชัยและหลวงพ่องาม ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวเพชรบูรณ์
ในวัดมีเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุพระอรหันต์ พระบูชา และพระเครื่องต่างๆ เป็นที่มาของชื่อ “วัดมหาธาตุ” กรมศิลปากรได้ขุดพบจารึกทองคำและศิลปวัตถุนับร้อยชิ้น
ประวัติ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย ราวพุทธศตวรรษที่ 20 กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนโบราณสถานต่างๆ ภายในวัดเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2478 ต่อมาปี พ.ศ. 2510 ได้บูรณะซ่อมแซมเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์และพบโบราณวัตถุจำนวนมาก จารึกบนแผ่นลานทองที่ขุดพบในเจดีย์หลังโบสถ์เก่า มีข้อความว่า “พระเจ้าเพชรบูรณ์เป็นผู้สร้างในปี พ.ศ. 1926”
สิ่งน่าสนใจ
@ เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ก่ออิฐถือปูน ตั้งอยู่หลังโบสถ์ ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมสามชั้น ถัดไปเป็นฐานบัวลูกแก้ว และเรือนธาตุย่อมุมยี่สิบ
ปี พ.ศ. 2510 ขณะกรมศิลปากรทำการบูรณะ ได้ขุดพบโบราณวัตถุ เช่น ไหสมัยสุโขทัยหลายขนาดที่ภายในบรรจุพระพิมพ์กว่า 30 พิมพ์ เช่น พระตรีกาย พระซุ้มกระรอกกระแต พระร่วงเปิดโลก ฯลฯ เครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์เหม็ง ประติมากรรมรูปสุนัขและควาย แผ่นลานทองสามแผ่นจารึกภาษาไทยโบราณม้วนอยู่ในท้องหมูสำริด อันเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้ทราบว่า เจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในปีกุน พ.ศ. 1926 ตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น
นอกจากนี้ยังพบพระกรุเนื้อสำริดประมาณ 500 องค์ เป็นศิลปะสมัยต่างๆ เช่น ทวารวดี ศรีวิชัย ลพบุรี เชียงแสน อู่ทอง เป็นต้น โบราณวัตถุเหล่านี้ถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ต่อมาปี พ.ศ. 2537 เจดีย์เกิดรอยแตกร้าว จึงมีการบูรณะอีกครั้ง ปัจจุบันมีสภาพเป็นเจดีย์ยอดหัก เหลือเฉพาะส่วนกลางองค์เจดีย์ลงไปถึงฐาน
@ หลวงพ่อเพชรมีชัย หรือพระพุทธพัชรวิชัยประทาน คาดว่าหล่อขึ้นพร้อมการสร้างวัด จัดเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ดูคล้ายศิลปะสุโขทัย พระพักตร์เป็นวงรี พระนาสิกโด่งยาวเรียว พระกรรณยาวดุจใบขนุน พระโอษฐ์อิ่มเอิบ ประดิษฐานบนฐานชุกชีปูนปั้นปิดทองประดับกระจกในวิหารหลวงที่สร้างขึ้นใหม่ ตั้งอยู่ติดกับโบสถ์ ชาวเมืองเพชรบูรณ์เคารพนับถือหลวงพ่อเพชรมีชัยว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ปัจจุบันทางวัดห้ามปิดทองบนองค์พระ
มีเรื่องเล่าว่า ครั้งอะแซหวุ่นกี้ยกทัพมาปิดล้อมเมืองพิษณุโลกเมื่อ พ.ศ. 2318 กองทัพไทยซึ่งมีเจ้าพระยาจักรีเป็นแม่ทัพ มีทหารน้อยกว่า ได้ตีฝ่าวงล้อมกองทัพพม่าหนีไปเมืองเพชรบูรณ์เพื่อสะสมเสบียงและกำลังทหาร หลังจากนั้นได้เตรียมยกทัพกลับไปยังเมืองพิษณุโลก เมื่อผ่านวัดมหาธาตุ เจ้าพระยาจักรีได้นำไพร่พลเข้าสักการะขอพรจากหลวงพ่อเพชร เมื่อทำพิธีเสร็จเจ้าพระยาจักรีพร้อมเหล่าทหารได้ร้องว่า “มีชัย” ขึ้นสามครั้งเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย จากนั้นก็นำกำลังไปต่อสู้กับกองทัพพม่าจนได้รับชัยชนะ นามของหลวงพ่อเพชรจึงมีคำว่า “มีชัย” ต่อท้ายเป็น “หลวงพ่อเพชรมีชัย” มาจนปัจจุบัน
@ หลวงพ่องาม
- ต้องขออนุญาตเจ้าอาวาสก่อนเข้าสักการะ
พระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์นี้มีพระขนงติดกันเป็นรูปปีกกา อันเป็นเอกลักษณ์ของพระพุทธรูปสมัยลพบุรี ประดิษฐานอยู่ในโบสถ์ซึ่งมีภาพเขียนอายุราว 80 ปี แสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ
รอบโบสถ์มีใบเสมาซึ่งสกัดจากหินทรายทั้งแท่งอยู่ในซุ้มเสมา ใบเสมานี้มีจำนวนแปดใบ แต่ละใบสูงประมาณ 3 ศอก หนา 5 นิ้ว กว้าง 20 นิ้ว สันนิษฐานว่าเป็นใบเสมาของโบสถ์เก่า เพราะเมื่อแรกพบนั้นฝังอยู่ในดินลึกมากท่ามกลางซากเจดีย์ปรักหักพัง