วัดสุวรรณภูมิ

อยู่ริมแม่น้ำสุพรรณบุรี มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น ในอดีตหนุ่มสาวที่พายเรือมานมัสการหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ฯ มักมาจอดเรือและเล่นเพลงเรือกันหน้าวัดนี้ ในบริเวณวัดมีพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระสังฆราช จัดแสดงโบราณวัตถุให้บุคคลทั่วไปเข้าชม

ประวัติ พระเทพวุฒาจารย์ หรือหลวงพ่อเปลื้อง เจ้าอาวาส สะสมโบราณวัตถุ ดังเช่นพระพุทธรูป เครื่องลายคราม ถ้วยชามเบญจรงค์ ไว้เป็นจำนวนมาก จึงจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ขึ้นภายในวัด และตั้งชื่อว่า "พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระสังฆราช" เพื่อเป็นการถวายแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (ปุ่น ปุณณสิริ) ซึ่งเป็นชาวสุพรรณบุรี
สิ่งน่าสนใจ
@ พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระสังฆราช เป็นอาคารสองชั้น จัดแสดงสิ่งของมากมาย มีพระพุทธรูปสมัยทวารวดี สมัยอู่ทอง สมัยเชียงแสน และสมัยลพบุรี เครื่องเคลือบดินเผาจากจีน กาน้ำชาดินเผา กาน้ำชาทองเหลือง ขันเงิน ตะเกียง เครื่องสังคโลก เหยือกน้ำรูปหงส์ คัมภีร์ใบลาน รวมทั้งบาตรสังคโลก
@ บาตรสังคโลก จัดแสดงอยู่ในตู้กระจกบนชั้น 2 ของพิพิธภัณฑ์ฯ เป็นบาตรสังคโลกสีงาช้าง มีลวดลายแตกลายงาที่เกิดจากกระบวนการเผาเครื่องสังคโลก
ตามประวัติเล่าว่า หลวงพ่อเปลื้องซื้อบาตรนี้มาในราคาไม่กี่สิบบาทและเก็บรักษาไว้เป็นเวลาหลายสิบปี เมื่อมีการทำบุญฉลองศาลจังหวัดสุพรรณบุรีเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2505 หลวงพ่อรับกิจนิมนต์ไปร่วมงานและนำบาตรใบนี้ไปทำเป็นขันน้ำมนต์ ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ภรรยาจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เห็นเข้าและอยากได้ไว้ จึงส่งนายทหารมาติดต่อขอบาตรใบดังกล่าว แต่ได้รับการปฏิเสธ จึงหาวิธีการต่างๆ จนในที่สุดก็ได้ไปครอบครอง โดยนำขันสาครทองเหลืองมาแลกเปลี่ยน
ต่อมาเมื่อจอมพล ถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี มีการยึดทรัพย์ของจอมพลสฤษดิ์เพื่อนำออกประมูลขายทอดตลาด มีการตีพิมพ์ภาพสิ่งของที่ถูกยึดลงในหนังสือพิมพ์ จอมพลถนอมเห็นว่ามีบาตรสังคโลกจากวัดสุวรรณภูมิรวมอยู่ด้วย จึงเสนอให้ผู้ว่าราชการ จ. สุพรรณบุรีหาทางนำบาตรนั้นกลับคืนมายังวัด
ผู้ว่าฯ ติดต่อไปยังนายบรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งขณะนั้นยังเป็นนักธุรกิจ ให้เข้าร่วมประมูล ที่สุดนายบรรหารก็ประมูลได้ในราคา 4 หมื่นบาท จากราคาเริ่มต้นที่ 2,000 บาท และได้นำมาถวายคืนให้ทางวัด